Office Building in Denver – อาคารสูงจากเหล็ก

อาคารแห่งนี้ เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ ซึ่งพัฒนาโครงการโดย Riverside Investment and Development โดยมีผู้รับเหมาหลักคือ Hensel Phelps ตั้งอยู่ ณ ใจกลางธุรกิจของเมือง Denver โดยเป็นอาคารสูง 30 ชั้น มีความสูงทั้งสิ้น ราว 120 เมตร มีพื้นที่ใช้สอยรวมราว 102,300 ตารางเมตร เป็นอาคารโครงสร้างเหล็กที่แม้ผนังภายนอกรอบอาคารเป็นกระจกกันความร้อนและรังสียูวีสมรรถนะสูง แต่สามารถช่วยอำนวยให้แสงธรรมชาติเข้าสู่อาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบฟอกอากาศแบบแยกส่วนระดับคุณภาพที่ใช้กับโรงพยาบาล มีสวนและพื้นที่พักผ่อนภายในอาคารที่เทียบเคียงกับอาคารพักอาศัย ซึ่งด้วยระบบโครงสร้างเหล็กที่นำมาใช้ ก็ส่งผลให้พื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร มีความโอโถง มีระยะห่างระหว่างช่วงเสาราว 9 เมตร โดยมีโซนที่เป็นโถง วัดจากปล่องลิฟท์ถึงผนังภายนอก ราว 13 เมตร

ปริมาณเหล็กทั้งหมดที่ใช้ในโครงการนี้สูงถึง 5,969 ตัน แบ่งเป็นเหล็กโครงสร้าง 4,571 ตัน แผ่นพื้นเหล็กรับคอนกรีต 1,200 ตัน บันได 156 ตัน และ อื่นๆ อีก 42 ตัน โดยผู้ออกแบบโครงสร้าง Magnusson Klemencic and Associates (MKA) ได้ กำหนดให้ใช้เหล็กที่มีกำลังสูงพิเศษเกินกว่าเหล็กทั่วไป ที่ 50 ksi (เทียบเท่าเกรด SM520) สำหรับ “เสา (column)” ส่งผลให้ปริมาณเหล็กของโครงการลดลง ซึ่งต้องบริหารจัดการร่วมกับผู้แปรรูปโครงสร้างเหล็ก (steel fabricator = Puma) เพื่อกำหนดขนาดหน้าตัดที่เหมาะสม เนื่องจากเหล็กกำลังสูงพิเศษไม่ได้มีการผลิตเป็น commercial scale ในทุกๆ ขนาดที่ผู้ออกแบบคุ้นเคย ส่งผลให้ปริมาณเหล็กของ 80-ksi steel column ช่วยลดปริมาณเหล็กได้สูงถึงราว 274 ตัน

ส่วนโถงบริเวณเหนือชั้นล่างสุดของอาคาร ถูกออกแบบให้เป็นระบบ “โครงถัก 3 ชั้น ถ่ายแรงจากเสาที่รองรับพื้นอาคารชั้นบน (3-story transfer truss) โดยโครงถักมีช่วงความยาวระหว่างฐานรองรับ 20 เมตร ซึ่งด้วยตำแหน่งที่รองรับเสารับพื้นอาคารชั้นบน อยู่บริเวณที่ใกล้กับผนังอาคาร ดังนั้น การควบคุมการแอ่นตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการเสียรูปที่มากเกินไปของผนังอาคารที่อยู่ด้านบน หน้าตัดที่ใช้เป็น H-beam ขนาดใหญ่ H400 grade 80 (บ้านเราไม่มีเกรดสูงเท่านี้) โดยหมุนหน้าตัดไปในทิศทางที่อำนวยให้การเตรียมจุดต่อเป็นไปได้อย่างสะดวก

เพื่อลดระยะเวลาการก่อสร้าง ผู้รับเหมาก่อสร้างหลักได้วางแผนให้การทำงาน ส่วนที่อยู่เหนือระดับดิน และ ส่วนที่อยู่ใต้ระดับดิน สามารถดำเนินการไปได้ในเวลาเดียวกัน (เรียกกันในโครงการว่า “up-up” construction sequence) โดยเมื่อก่อสร้างตอม่อฐานรากแล้วเสร็จ ก็ทำการติดตั้งเสาเพื่อรองรับพื้นชั้นล่าง (ground level) และเมื่อเหล็กสำหรับพื้นชั้นล่างได้ถูกประกอบติดตั้งเป็นที่เรียบร้อย ก็สามารถติดตั้งโครงสร้างเหล็กส่วนที่อยู่เหนืออาคารได้ทันที สำหรับเสาเหล็กที่อยู่ต่ำกว่าระดับ ground level ก็จะมีการติดตั้งพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กเทในที่ เข้ากับคอนกรีตที่จะนำมาหุ้มเสาโครงสร้างเหล็กต่อไป วิธีการก่อสร้างวิธีนี้ ช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้างลงได้ถึง 6 สัปดาห์

About the Author

Leave a Reply